ชีวิตของคนเราที่เกิดมา บุญ กรรม นั้นไม่เท่ากันแท้จริง หญิงสาววัยเพียง 32 ต้องพบชีวิตตนเองที่ สุดรันทด ตาฝ้าฟาง
ที่นับวันยิ่งจะมืดลง มืดลง เห็นเพียงลืนราง จะมองไม่เห็นเข้าทุกวัน ต้องนั่งขอทาน ประทังชีวิตไปวันๆ ล่าสุดเดินทางมากลับยายวัยชราที่พอมีกำลัง และหูตา ยังดี พอกันเดินทางมาจากจันทบุรี ตามคำบอกเล่าว่าที่ไหนมีงาน วัด งานประจำปี และงานต่างๆ ที่มีผู้คนเดินทางมาท่องเที่ยว ไปนั่งขอทานเพียงพอ หาเงินซื้อหาอาหารประทังชีวิต ไปวันๆ ในขณะที่ต้องเก็บเงินที่ขอมาได้บ้างส่วนไว้เพื่อเดินทางไปหาหมอ ทุกๆ 3 เดือนเพื่อรักษาอาการ จอประสาทตาเสื่อม ที่ รพ.จุฬาฯ มานานเกือบ 10 ปี โดยมีเพียงยายเท่านั้น ที่เป็นหู เป็นตา ให้ยามเดินทาง จนถึงยามที่ต้องกิน ต้องนอน เพราะสายตาเห็นเพียงลืนรางเท่านั้น
วันที่(3 เมษายน 61) ที่ผ่านมาผู้สื่อข่าวได้พบเจอกับหญิงสาวนั่งขอทานอยู่ในงาน มหกรรมเทศกาลอาหารและการกาลเล่นต่างๆที่จัดขึ้นที่ในพื้นที่ ม.11 ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยเบื้องหน้ามีแผ่นป้ายกระดาษพร้อมตัวอักษรข้อความที่เขียนไว้ว่า ” หนูจอตาเสื่อม ตามองเห็นเพียงลางๆ ต้องเดินทางไปรักษาที่ รพ.จุฬา ทุก 3 เดือน ” ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามถึงความเป็นมาอย่างไรถึงได้มานั่งอยู่ตรงนี้ โดยหญิงคนดังกล่าวได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนเองชื่อ นางสาว จันทร์เพ็ญ นาคช้อย หรือ ตุ๊กตา อายุ 32 ปี อยู่ จ.จันทบุรี เดินทางนั่งรถโดยสารมากับ ยาย มานั่งขอทาน จากผู้ใจบุญ เพื่อหาเงินประทังชวิตไปวันๆ และเก็บเงินส่วนที่เหลือไว้ไปหาหมอที่ รพ.จุฬาฯ เพื่อรักษาอาการจอตาเสื่อม ทุกๆ 3 เดือน โดยเป็นมานานเกือบ 10 ปี ที่นับจะยิ่งมืดลงทุกวัน ทุกวัน มองเห็นเพียงลางๆเท่านั้น และพร้อมยืนยังว่า ตนเองเป็นคนไทยและป่วยพิการสายตาจริง ด้วยการเอามือไปล้วงบัตร 2 ใบขึ้นมาส่งให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมกับกล่าวว่า ดูเอาเองนะเพราะหนูมองไม่เห็น โดยผู้สื่อข่าวตรวจสอบบัตรทั้งสองใบ พบว่าเป็นบัตรประจำตัว หนึ่งใบ และอีกใบเป็นบัตร ผู้พิการ ซึ่งชื่อและที่อยู่ ตรงกันทั้งสองใบ
ทางผู้สื่อข่าวจึงสอบถามว่าแล้วเดินทางมาอย่างไรเมื่อตามองไม่เห็น ซึ่งหญิงสาวคนดังกล่าวได้กล่าว มีเพียงยายเท่านั้น ที่หู ตา ยังดี ค่อยเป็นหู เป็นตาให้ และพาไปไหนต่อไหน ถึงแม้แต่ยามกิน ยามนอน เพราะเองมองไม่เห็น ที่ตนเองเดินทางมาที่งานเนี่ยก็เพราะ มีคนบอกยายว่าที่มีงาน ยายจึงพาขึ้นรถโดยสารมานั่งขอทาน จากผู้ใจบุญเพื่อซื้ออาหารประทังชีวิตไปวันๆเท่านั้น และเงินส่วนที่เหลือก็เก็บไว้ไปหาหมอที่ รพ.จุฬาฯ ที่หมอนัดไว้ต้องไปทุกๆ 3 เดือน เรือยมาตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปี พร้อมย้ำว่าตนเป็นคนไทยจริงๆ พิการทางสายตาจริง ยากจนจริงๆ แม้ที่เพิงพักที่จันทบุรี ก็อาศัย ชายที่ของเจ้าของที่ ปลูกพักอาศัยกันแดด กันฝน กันลม เท่านั้น เงินที่ขอทานได้ ก็ซื้ออาหารกินกับยาย สองคนแบบประทังชีวิต ไปวันๆ ซึ่งจะอยู่ที่เนี่ยจนงานหมดคือวันที่ 7 เมษายน 61 นี้ ซึ่งมีงานที่อื่นอีก ก็จะเดินทางไปตามงานนั้น เพื่อขอทานประทังชีวิต
ภาพ/ข่าว สมชาย แก้วนุ่ม
นาย พรเทพ เขม้นเขตวิทย์
รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก