สารวัตรมือปราบน้ำมันเถื่อน ร้องถูกขู่เอาชีวิต หลังร้องเรียนหลายหน่วยให้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลฎีกาให้ริบของกลางเข้าหลวง
เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น วันที่ 10 เม.ย. 61 พ.ต.ท.ยงยศ เที่ยมประชา อดีต รอง ผกก.หัวหน้า สภ.สุคิริน จ.นราธิวาส ได้ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวผ่านไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.จากการถูกข่มขู่คุกคามหมายเอาชีวิต จากกรณีที่ตนเองซึ่งในขณะที่เป็น สารวัตร สืบสวน ได้รับคำสั่งให้จับกุมเจ้าพ่อน้ำมันเถื่อนที่ อ.เมือง จ.สตูล เมื่อวันที่ 25 ม.ค .35 โดยสามารถจับกุมน้ำมันเถื่อนพร้อมเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำ รถบรรทุกน้ำมัน 10 ล้อ 1 คัน มูลค่าของกลางรวม 40 กว่าล้านบาท
คดีนี้มีการต่อสู้คดีระหว่าง พ.ต.ท.ยงยศ กับ นายทุน ผู้เป็นเจ้าของเรือจนคดีถึงศาลฎีกา และศาลฎีกาได้ตัดสินคดีเมื่อปี 2542 ให้ พ.ต.ท.ยงยศเป็นฝ่ายชนะทั้ง 3 ศาล และสั่งให้ริบของกลางขายทอดตลาด เพื่อนำเงินเข้ารัฐ และจ่ายเงินรางวัล ตามระเบียบของราชการให้กับชุดจับกุม ซึ่งหมายถึง พ.ต.ท.ยงยศ เทียมประชา
พ.ต.ท.ยงยศ เปิดเผยว่า หลังจากนั้นได้ติดตามไปตามหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของกลาง เพื่อให้ดำเนินการตามคำสั่งศาลฎีกา แต่ไม่มีความคืบหน้า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างโยนกันไปโยนกันมา และอ้างว่าอยู่ระหว่างดำเนินการ ทั้งที่ของกลาง ที่ ศุลกากร จ.สตูล เป็นผู้เก็บรักษาไว้ ได้มีการสั่งคืนให้กับเจ้าของ ตั้งแต่ศาลอยู่ระหว่างการต่อสู้คดี
และเมื่อ 19 มิ.ย. 2543 ด่านศุลกากร ได้ขายทอดตลาดน้ำมันที่เป็นของกลาง 37,800 ลิตรในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง และเป็นการขายโดยมิชอบ ในราคาลิตรละ 8.73 บาท ในขณะที่ราคาในท้องตลาดลิตรละ 12.62 บาท ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ 147,042 บาท ยังไม่รวมค่าดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันที่ขายทอดตลาด แต่จนถึงบัดนี้ผ่านไป 20 ปี ยังไม่มีการจ่ายสินบนรางวัลนำจับให้กับตนเองแต่อย่างใด ซึ่งเข้าข่ายของการทุจริตอย่างชัดเจน
และเรือของกลาง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ศุลกากร ซึ่งเบื้องต้นมีการประเมินไว้ที่ลำละ 20 ล้านบาท โดยสมาคมประมง จ.สงขลา หลังจากที่เรือหายไป ก็มีการพยายามที่จะประเมินให้มีราคาต่ำลง ซึ่งเรื่องรายละเอียดทั้งหมด ได้มีการร้องเรียนและส่งไปให้หน่วยงานต่างๆ เช่น คสช. ปปง. กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานอื่นๆไม่ต่ำกว่า 10 แห่ง แต่ทุกหน่วยจะตอบว่าอยู่ระหว่างตรวจสอบ และเรื่องก็จะเงียบไป
จนสุดท้าย ตนเองได้ขอให้ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เป็นผู้ดำเนินการตามคำสั่งของศาลฎีกา ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. แต่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 60 ขณะที่ตนเองอยู่ที่บ้านพัก ได้มีข้อความข่มขู่ให้ตนเองหยุดการติดตามคดีดังกล่าว ไม่เช่นนั้นจะมีอันตรายถึงแก่ชีวิต เข้ามาในไลน์โทรศัพท์ของตนเอง หลังจากนั้น ตนได้แจ้งให้ เจ้าหน้าที่ สตง. ได้รับทราบ และได้ประสานงานหน่วยงานพิสูจน์หลักฐาน เพื่อทำการตรวจสอบว่า ข้อความในไลน์ มาจากโทรศัพท์ของผู้ใด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ ยังไม่ทราบผลของการตรวจสอบ
พ.ต.ท.ยงยศ กล่าวว่า จนต่อสู้คดีนี้มา 20 กว่านี้ และคดีไม่ได้ขาดอายุความ แต่ตนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากหน่วยงานของรัฐ เพราะไม่มีหน่วยงานไหนทำตามคำสั่งตามคำพิพากษาของศาลฎีกา ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นเพราะนายทุนเจ้าของน้ำมันเถื่อน เป็นผู้มีอิทธิพล ที่สามารถทำให้หน่วยงานต่างๆ ไม่ดำเนินการตามคำสั่งของศาลฎีกา และเมื่อตนร้องให้ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้ดำเนินการ ริบของกลางเพื่อนำเงินเข้ารัฐ ก็มีการส่งข้อความทางไลน์ เพื่อข่มขู่เอาชีวิต
เรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเอง เป็นเรื่องของผู้มีอิทธิพล จึงใคร่ของความเมตตาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. ได้ตรวจสอบและสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำตามคำพิพากษาของศาลฎีกา เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย และของประเทศชาติ
นายปนีชา สถิตย์เรืองศักดิ์/หาดใหญ่/สงขลา