วันที่ 9 กรกฎาคม 2561 เวลา 13.30 น. กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ร่วมกับ กองบัญชาการตำรวจนครบาล และ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ(191) “ จับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดทุ่งสองห้อง ”
ตามนโยบายของรัฐบาล และ คสช. โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยาเสพติดเป็นภัยคุกคามเป็นหนึ่งในปัญหาชาติที่สําคัญต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน และจริงจัง จึงมอบนโยบายให้สํานักงานตํารวจแห่งชาติโดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เร่งรัดขับเคลื่อน การปราบปรามอย่างจริงจังโดยบูรณาการกําลังทุกฝ่ายพร้อมกับหน่วยงานในทุกกองบัญชาการ ภายใต้การอํานวยการของ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น., พล.ต.ต.ฤชากร จรเจวุฒิ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบก.สปพ., พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ.,พ.ต.อ.สําราญ นวลมา รอง ผบก.สปพ.สั่งการให้ พ.ต.อ.สมบูรณ์ เทียนขาว ผกก.สายตรวจ บก.สปพ.นํากําลังเจ้าหน้าที่ตาํ รวจสืบสวนปราบปรามผู้กระทําผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเร่ือยมา
ผู้ต้องหา นายสมชาย หรือ ตี๋ แก้วสุข อายุ 52 ปี อยู่ที่ 14 ม.3 ต.บางไทร อ.บางไทรจ.พระนครศรีอยุธยา
จับกุมในข้อหา ” มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพ่ือจําหน่ายโดยผิดกฎหมาย และมี วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท๒ (เคตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาต ” ของกลางในคดี จานวน 8 รายการ
1. ยาบ้าตราประทับ 999 จํานวน ๑๖๕ มัด ประมาณ ๓๓๐,๐๐๐ เม็ด ( ได้จากการตรวจค้นตู้ทะเบียน นข ๖๑๕๔ ลําปาง )
2. ยาบ้าตราประทับ ๙๙๙ จํานวน ๖๓๐ มัด ประมาณ ๑,๒๖๐,๐๐๐ เม็ด ( ได้จากการตรวจค้นภายใน บ้านเลขท่ี ๓๐๒/๑๓๙ ชุมชนเคหะทุ่งสองห้อง ๓๐๒ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่กรุงเทพฯ)
รวมยาบ้า ๒ รายการ จานวนทั้งสิ้น ๑,๕๙๐,๐๐๐ เม็ด
3. เคตามีนชนิดเกล็ดบรรจุอยู่ในถุงพลาสติก น้ําหนักรวมประมาณ ๘ กก.
4.โทรศัพท์มือถื ยี่ห้อSAMSUNGสีดําหมายเลขจํานวน๑เครื่อง
5. โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ OVANA สีขาว หมายเลข จํานวน ๑ เครื่อง
6. โทรศัพทไ์อโฟน สีดํา หมายเลข จํานวน ๑ เครื่อง
7. รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟีโน สีชมพูดํา ทะเบียน ๒กฎ ๔๘๘๑ กรุงเทพฯ
8. รถตู้สีเทา คันทะเบียน นข ๖๑๕๔ ลําปาง
โดยพฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ตํารวจชุดปราบปรามยาเสพติด กก.สายตรวจ บก.สปพ. ได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีนายตี๋ อายุประมาณ ๕๐ ปี ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง มีพฤติกรรมลําเลียงยาเสพติด มาพักไว้ที่ชุมชนทุ่งสองห้องและ ทําหน้าท่ีส่งยาเสพติดไปตามจุดต่างๆ ในพื้นท่ีกรุงเทพฯ และพื้นที่ใกล้เคียงอาศัยอยู่ในชุมชน เคหะทุ่งสองห้อง ๓๐๒ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่กรุงเทพฯ โดยจะใช้รถตู้สีเทา คันทะเบียน นข ๖๑๕๔ ลําปาง เป็นพาหนะในการส่ง ยาเสพติด เจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุมจึงได้เรียนผู้บังคับบัญชาเพื่อทราบและออกสืบสวนจับกุม นายตี๋ ฯ.ตามคําสั่งของ ผู้บังคับบัญชาสั่งการ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นํากําลังเข้าตรวจสอบที่ ลานจอดรถของชุมชนเคหะทุ่งสองห้อง ๓๐๒ พบรถตู้ คันสีเทาคันทะเบียน นข ๖๑๕๔ ลําปาง จอดอยู่ที่ลานจอดรถลานจอดรถชุมชนเคหะทุ่งสองห้อง ๓๐๒ จริงตรง ตามที่สายลับแจ้งข่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงวางกําลังโดยรอบรถตู้คันดังกล่าว เวลาประมาณ ๑๘.๐๐ น. มีชายวัยกลางคนสวมเสื้อยืดแขนยาวสีดํา กางเกงยีนส์ขายาว สวมหมวกกันน๊อคสีเขียว ขี่รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟีโน สีชมพูดํา ทะเบียน ๒กฎ ๔๘๘๑ กรุงเทพฯ มาจอดแล้วเปิดประตูรถตู้ด้านหน้าข้างซ้าย (สายลับยืนยันว่าคือ นายตี๋ฯ) เจ้าหน้าที่ตํารวจชุดสืบสวนจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตํารวจเข้าทําการตรวจค้นตัว นายตี๋ฯ ทราบชื่อ ภายหลัง นายสมชาย หรือ ตี๋ แก้วสุขศรี ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทําการ ตรวจค้นภายในรถตู้ พบยาบ้า ๑๖๕ มัด ประมาณ ๓๓๐,๐๐๐ เม็ด จากการซักถาม นายสมชายฯ ได้ยอมรับกับ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมว่า ที่บ้านเลขที่ ๓๐๒/๑๓๙ ชุมชนเคหะทุ่งสองห้อง ๓๐๒ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ยังมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่อีก จากการตรวจบ้านดังกล่าวพบยาบ้าตราประทับ ๙๙๙ จํานวน ๖๓๐ มัด ประมาณ ๑,๒๖๐,๐๐๐ เม็ด รวมยาบ้า ๒ รายการ จํานวนทั้งสิ้น ๑,๕๙๐,๐๐๐ เม็ด เคตามีนชนิดเกล็ดบรรจุอยู่ ในถุงพลาสติกใส น้ําหนักรวมประมาณ ๘ กก. จากการซักถามเบื้องต้นทราบว่า นายสมชายฯ ได้รับการว่าจ้างจาก นายบอล ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริงโดยจะได้รับค่าจ้างเดือนละ ๕๐,๐๐๐ บาท สําหรับค่าเฝ้ายาเสพติดและการนํา ยาเสพติดไปส่งตามคําสั่งของนายบอลฯ จากนั้นจึงนําตัวนายสมชายฯ ผู้ถูกจับ พร้อมของกลางมาที่ กก.สายตรวจ บก.สปพ. เพื่อจัดทําประวัติบันทึกการจับกุมถ่ายภาพและนําตัวผู้ต้องพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสืบสวนขยายผลทราบว่าในเครือข่ายค้ายาเสพติดทุ่งสองห้องนี้ยังมีผู้ร่วมกระทําความผิดอีก หลายราย จึงได้ทําการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผลการจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป
ที่มา : กองบัญชาการตํารวจท่องเที่ยว ร่วมกับ กองบัญชาการตํารวจนครบาล และ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191)
CR. โอ๋ /สมาคมคนข่าว ผู้สื่อข่าว นิวส์รีพอร์ต /รายงาน