วันอาทิตย์, 29 กันยายน 2567

ตราด!!รวบ 2 วัยรุ่น ขาย ทรามาดอล ให้นักเรียนมัธยม”

11 ก.ค. 2018
18

ตราด-รวบ 2 วัยรุ่น ขาย “ทรามาดอล” ให้นักเรียนมัธยมในพื้นที่ จ.ตราด


(10 ก.ค 61)ทรามาดอล ยาแก้ปวด ผสมเหมือน 4 คูณร้อย กำลังระบาดหนักในสถานศึกษาจังหวัดตราด ส่วนใหญ่จะเป็นเด็ก ม.ต้น และ ม.ปลาย ตามโรงเรียนต่างๆในพื้นที่ จ.ตราด ซึ่งล่าสุดมีนักเรียนมัธยมต้นของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดตราด ได้กินยาแก้ปวด ทรามาดอล ไปจำนวน 5 เม็ด และเกิดอาการชักเกร็ง ก่อนที่จะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลให้แพทย์ทำการตรวจ และพบสารของแก้ปวด หรือ ทรามาดอล ที่กำลังฮิตกันในหมู่วัยรุ่นขณะนี้ โดยจะนำมากินผสมกับยาแก้ไอ และ โค้ก หลังจากกินเข้าไปจะทำให้มีอารมณ์เพลิดเพลิน

หลังจากทางตำรวจภูธร จังหวัดตราดได้รับการร้องเรียนมาจากทางโรงเรียนให้ช่วยสืบสวนเรื่องดังกล่าว ทาง พ.ต.อ.ดเรศ กัลยา รอง ผบก.ภ.จว.ตราด ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนของกองกำกับการสอบสวนฯ จ.ตราด ลงพื้นที่หาข่าว จนพบวัยรุ่นต้องสงสัย คือนายภูวเดช สังควรรณ อายุ 23 ปี และนายอธิบดี อาชีวะ หรือ ก๊อฟ มีพฤติกรรมในการค้าขาชนิดดังกล่าว จึงได้ทำการล่อซื้อ และจับกุมได้ในที่สุด โดยวันนี้ได้นำตัวมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน มีพล.ต.ต.ทวีโรจน์ ศิริสวัสดิบุตร ผบก.ภ.จว.ตราด ได้เดินทางมาร่วมแถลงข่าวด้วย

จากการแถลงข่าวทั้ง 2 คนให้การรับสารภาพว่า ได้จำหน่ายยา ทรามาดอล จริง โดยได้ซื้อมาจากนางกุ้ง ไม่ทราบชื่อสกุลจริง ในพื้นที่ อ.แหลมงอบ จ.ตราด โดยซื้อมาเม็ดละ 4 บาท และนำมาขายเม็ดละ 8 บาท โดยนำมาขายให้กับกลุ่มนักเรียนมัธยมในตัวเมืองตราด ซึ่งจากการขายดี ทำให้นางกุ้งแม่ค้าขยับราคาขึ้นเป็นเม็ดละ 8 บาท จึงได้ค้นหาที่ซื้อใหม่ตามอินเตอร์เน็ต โดยได้สั่งซื้อมาทีละกระปุก ในราคา 1,700 ตกเฉลี่ยเม็ดละ 4 บาท และนำมาขายในราคาเม็ดละ 10 บาท ซึ่งมีกำไรค่อนตัว ก่อนจะถูกจับกุมพร้อมของกลางดังกล่าว

ด้านเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จ.ตราด เปิดเผยว่าการจำหน่ายยา ทรามาดอล ต้องได้แทพย์สั่งจ่ายยาเท่านั้นหรือ เภสัจกร และก่อนจะขายให้กับผู้ซื้อจะต้องมีการซักประวัติ และในร้านที่ขายส่งจะมีกำหนดไม่ให้ขายเกิดหนึ่งพันเม็ด หากร้านขายยาใดมีการจำหน่ายโดยผิดกฎหมายจะมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับหนึ่งหมื่นบาท อย่างไรก็ตามทางด้านกองกำกับการสืบสวนฯ จ.ตราด จะทำการขยายผลเพื่อทำการจับกุมผู้ลักลอบยาทรามาดอลมาจำหน่ายในพื้นที จ.ตราดต่อไป

ภาพ/ข่าว วิเชียร ม่วงสี
นาย พรเทพ เขม้นเขตวิทย์
รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก

Loading