ชัยภูมิ!!ชาวบ้านจี้ให้ย้ายสุนัขออกจากชุมชน”

21 ก.ย. 2018
15

ชัยภูมิ ชาวบ้านจี้ให้ย้ายสุนัขออกจากชุมชนขณะที่แม่น้องตวงข้าวเหยื่อหมารุมขย้ำจนเสียชีวิตอย่างอนาถ รุดเข้าแจ้งความดำเนินคดีเจ้าของสุนัขเขียวโหด
ชาวบ้านจี้ให้ย้ายกลุ่มสุนัขออกจากชุมชน ต่างผวาสุนัขโหด3ตัวที่รุมกัดเด็กอนุบาล4ขวบดับอนาถ หวั่นจะหลุดออกมากัดลูกหลานซ้ำอีกอีก

หลังเกิดเหตุกลุ่มสุนัขรวม 3 ตัวของเพื่อนบ้านใกล้เคียงกันที่หลุดออกมาไล่รุมกัดด.ญ.วัยเพียง 4 ขวบเศษเสียชีวิตกลางถนนในหมู่บ้านนั้น ล่าสุดนางสาวเสาวรี จุลเขว้า อายุ 33 ปี แม่ของน้องตวงข้าว วัย 4 ขวบเศษพร้อมด้วยญาติๆได้รุดเข้าแจ้งความและให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของสุนัขเขียวโหดรายนี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมตั้งข้อหาเจ้าของสุนักเขียวโหดเพิ่มข้อหากระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีโทษปรับ ตั้งแต่ 1 หมื่นบาทและจำคุก1-10ปี

เจ้าของสุนัขยังปิดบ้านเงียบ ไม่ออกมาพูดคุยกับเพื่อนบ้าน ด้าน ชาวบ้านต่างพากันเริ่มหวาดผวาว่าจะเกิดเหตุซ้ำรอยเกรงว่าสุนัขกลุ่มนี้จะหลุดออกมาก่อเหตุไล่กัดเด็กเล็กหรือลูกหลานที่อยู่ในระแวกนั้นซ้ำได้อีก วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเจ้าของสุนัขช่วยย้ายสุนัขกลุ่มดังกล่าวออกจากชุมชนไปอยู่ในที่ปลอดภัยอื่นที่ดีกว่า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยได้อีก และต่างพากันกล่าวถึงมาตรการทางกฏหมายที่ออกมาว่าทำไหม พรบ.คุ้มครองสุนัข หรือว่าหมา ว่าในปัจจุบันกลับไปให้การคุ้มครองสัตว์หรือหมามากกว่าคน หากคดีนี้คนที่ปล่อยสุนัขหลุดออกมาไล่กันเด็ก 4 ขวบเสียชีวิตกลับมีโทษเบาติดคุกไม่ถึง 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท แต่ถ้าหากชาวบ้านประชาชนไปทำร้ายหมา กลับมีโทษหนักกว่าต้องติดคุกสูงกว่า 1 ปี ปรับสูงกว่า 4 หมื่นบาทขึ้นไป!!!!

ล่าสุดนางสาวเสาวรี จุลเขว้า อายุ 33 ปี แม่ของน้องตวงข้าว วัย 4 ขวบพร้อมด้วยญาติๆได้รุดเข้าแจ้งความและให้ปากคำต่อ พ.ต.ต.ทองสุก รัตน์สีวอ สว.(สอบสวน) สภ.บ้านเขว้า เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของสุนัขเขียวโหดรายนี้หลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมตั้งข้อหากรทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีโทษปรับ ตั้งแต่ 1 หมื่นบาทและจำคุก1-10ปี

จากการสอบสวนนางสาววรี จุลเขว้า อายุ 33 ปี ได้ให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนว่าก่อนเกิดเหตุ ตนทำงานอยู่ที่ อบต.ลุ่มลำชี และได้รับแจ้งจากเพื่อบ้านว่าน้องตวงข้าวลูกสาวถูกสุนัขกัดได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมาจึงได้รุดไปดูที่โรงยาบาลบ้านเขว้า หลังเกิดเหตุตน พร้อมญาติๆได้ขอนำศพน้องตวงข้าวออกมาจากรพ.เพื่อนำมาตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ที่บ้านเกิดของน้องในซอยบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 194/5 ม.2 ต.บ้านเขว้า อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ที่ตั้งอยู่ใกล้บ้านเพื่อนบ้านที่ปล่อยสุนัข 3 ตัวออกมาไล่กัดน้องเสียชีวิตครั้งนี้ไม่ไกลห่างกันเพียง 10 เมตร ต่อมาได้มีเจ้าของสุนัขมาพูดคุยขอรับผิดชอบในคดีความดังกล่าวแต่เนื่องจากระยะนี้ครอบครัวตนยังทำใจไม่ได้จึงยังไม่ขอตกลงกับเจ้าของสุนัขที่ก่อเหตุ
ซึ่งปัจจุบันบรรยากาศบริเวณถนนจุดเกิดเหตุ บริเวณด้านหน้าบ้านของเจ้าของสุนัขรายนี้ก็ยังทำการปิดเก็บตัวเองเงียบ จะปล่อยสุนัขที่มีทั้งหมดผูกล่ามโซ่ไว้ตามจุดรั้วต่างๆเก็บตัวไว้ทั้งหมดภายในบ้าน

ด้านนางประกาย จุลเขว้า อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นยายของน้องตวงข้าว ที่ถูกสุนัขรุมกัดเสียชีวิตครั้งนี้ เปิดเผยว่า ตอนนี้ส่วนตัวแม่น้องเองยังทำใจไม่ได้ ทางญาติก็ได้พูดคุยกันแล้วว่าจะทำพิธีเผาศพน้อง หรือจะนำไปเก็บไว้ก่อนที่สุสานวันในวันเสาร์ที่ 22 ก.ย.61 ที่วันประทุมมาวารวัดประจำของหมู่บ้าน ไปก่อนเพื่อรอผลดำเนินคดีกับเจ้าของสุนัขรายนี้ต่อไป โดยนางสาวเขมมิกา จุลเขว้า อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นน้องสาวของแม่น้องตวงข้าว ออกมาเปิดเผยแทนแม่น้องตวงข้าวว่า ว่าตอนนี้ทั้งพี่สาวที่เป็นแม่เองและตนเองยังทำใจไม่ได้ ที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น และไม่มีอะไรที่จะมาช่วยเยียวยาอะไรได้อีกแล้ว ส่วนคดีก็ต้องมีการดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุดต่อไปขอให้เสร็จงานศพน้องในวันเสาร์นี้ก่อน และสิ่งที่สำคัญที่สุดครั้งนี้ กลุ่มสุนัขที่ยังปล่อยให้เลี้ยงอยู่ภายในชุมชนมีบ้านเรือนชาวบ้านอีกจำนวนมากอยู่ใกล้ และเด็กๆอีกจำนวนมาก รวมทั้งพี่ชายของน้องตวงข้าวที่อายุ 6 ขวบ อีกคน ก็ยังต้องใช้เส้นทางผ่านบ้านเลี้ยงสุนัขดังกล่าวอยู่เป็นประจำ และต่อไปไม่มีใครรู้ได้ว่าสุนัขจะหลุดออกมาวันไหนอีก และจะไปไล่กัดเด็กคนไหนอีก จึงไม่อยากให้สุนัขกลุ่มนี้อยู่ในชุมชนอีกต่อไปเลยเพื่อความปลอดภัยที่น่าจะเป็นทางออกร่วมกันกับคนในชุมชนครั้งนี้จะดีกว่า เพราะกฎหมายพรบ.คุ้มครองสัตว์ หรือสุนัข ปัจจุบัน กลับมีการคุ้มครองหมา มากกว่าคน

ที่เบื้องต้นก็ทราบว่าหากมีการดำเนินคดีปล่อยปะละเลย เจ้าของสุนัขก็มีโทษถ้าติดคุกก็ไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท แต่ส่วนถ้าชาวบ้านหรือคนที่ใช้เส้นทางผ่านถนนในจุดนี้ที่น้องถูกสุนัขหลุดออกจากบ้านมากัดนั้น เกิดมีใครไปทำร้ายหมากลุ่มนี้เข้า กลับมีกฎหมาย พรบ.คุ้มครองสัตว์มากว่า ต้องมีโทษรุนแรงถูกจำคุกอย่างน้อย 1 ปี ปรับสูงอีกกว่า 4 หมื่นบาท แล้วชาวบ้านใครจะไปกล้าทำร้ายสุนัขกลุ่มนี้ได้ ก็เห็นว่าสุนัขกลุ่มนี้ก็ไม่ควรอยู่ในชุมชนจะเป็นทางออกรวมกันดีกว่าด้วยด้านนางลำ แนวโนนทัน อายุ 77 ปี และนางละออง แว่นทิพย์ อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านใกล้เคียงกับเจ้าของบ้านเลี้ยงสุนัขรายนี้อีกจำนวนมาก กล่าวว่า รู้สึกว่าหลังเกิดเรื่องครั้งนี้ กลับกลายเป็นว่ากฎหมายคุ้มครองหมา มากกว่าคนด้วย แล้วชาวบ้านใครจะไปกล้าทำร้ายสุนัขได้เพราะมีโทษหนัก แม้กระทั่งตนเอง ที่ผ่านมา ก็เคยขี่จักรยาน ขับรถจจย.ผ่าน จุดที่น้องถูกกัดเสียชีวิต มาตลอดก็เคยถูกสุนัขกลุ่มนี้ออกมาวิ่งไล่ตามกัดบ่อยครั้ง ร้องเรียกให้คนในบ้านออกมาช่วยก็เงียบ เพราะไม่ค่อยมีคนอยู่บ้านปล่อยสุนัขเลี้ยงไว้ ก็ควรมีการดูแลให้ดีมากกว่านี้ด้วย และยิ่งรับไม่ได้เลยต่อเรื่องพรบ.กฏหมายคุ้มครองหมามากกว่าคนในครั้งนี้ด้วย

ทางด้าน พ.ต.ท.เอกพล เพชรนอก รอง.ผกก.สอบสวน สภ.บ้านเขว้า เปิดเผยว่าเบื้องต้นเอง ที่มีการแจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้นให้เจ้าของสุนัขรายนี้มารับทราบข้อกล่าวหาไปแล้วในเบื้องต้น ในข้อหาควบคุมสัตว์ดุหรือสัตว์ร้าย ปล่อยปละละเลยให้สัตว์นั้นเที่ยวไปโดยลำพัง ในประการที่อาจทำอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ จนเป็นเหตุให้เด็ก 4 ขวบ เสียเสียชีวิตในครั้งนี้แล้ว ที่อาจจะต้องมีโทษจำคุกไม่น้อยกว่า 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาทนั้น เป็นการแจ้งข้อหาในเบื้องต้นเท่านั้น และเมื่อแม่เด็กมาให้ปากคำก็จะได้รวบรวมพยานหลักฐาน และจะได้เรียกนายปิยะณัฐ แดงสร้อย อายุ 27 ปี เจ้าของสุนัขมารับทราบข้อกล่าวหาและดำเนินคดีกระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ก็จะมีโทษหนักสูงขึ้นไปอีกมีโทษสูงจำคุกอีกไม่น้อยกว่า 10 ปี ซึ่งถือว่าเป็นคดีอาญาแผ่นดินแล้ว ยอมความไม่ได้

ส่วนกรณีดังกล่าวชาวบ้านต่างวิภาควิจารกันต่างๆนานาเพราะเกรงว่าถ้าสุนัขกลุ่มนี้มีการดูแลไม่ดีพอและเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยหลุดออกมาไล่กันคนได้อีกก็เป็นเรื่องที่จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางย้ายสุนัขกลุ่มนี้ไปอยู่ในที่ที่มีการควบคุมดูแลที่พอดีพอให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้นกับชุมชนต่อไป กรณีที่ชาวบ้านหวาดกลัวว่า หากเกิดมีสุนัขหลุดออกมาไล่วิ่งทำร้ายเด็ก คนในชุมชนอีก แล้วกลัวว่าจะไปทำร้ายสุนัขกลุ่มนี้และมีโทษหนักตามพรบ.คุ้มครองสุนัข ที่มีโทษหนักจำคุกสูงกว่า 1 ปี ปรับกว่า 4 หมื่นบาท นั้น ขอให้ชาวบ้านเข้าใจถึงกรณีถ้าเป็นการป้องกันตัวเอง เมื่อถูกสุนัขไล่รุมทำร้ายก็สามารถป้องกันตัวได้ ไม่เข้าข่ายความผิด เพราะไม่ใช่เป็นการไปรังแกสัตว์แบบไม่มีเหตุผล เรื่องนี้ต้องดูที่เจตนาของกฏหมายด้วย

///////////ทีมข่าวจ.ชัยภูมิ///////////////

Loading