มุกดาหาร กระเทียมเถื่อน 96 กระสอบ ล่องหนระหว่างตรวจยึด ศุลกากรโต้ไม่หายแต่ส่งคืนผู้ประกอบการ
เมื่อวันที่ 25 กันยายน 61 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา ร้อยเอกจำรัส บุตรสุรีย์ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดมุกดาหาร ร่วมกับร้อยโทพรพิทักษ์ กุลงามกิ่ม ผบ.ร้อยทหารพรานที่ 2110 มุกดาหาร ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารเข้าจับกุมขบวนการลักลอบนำเข้ากระเทียมแห้งจากประเทศ สปป.ลาว โดยใช้เรือหางยาวเหล็กขนาดใหญ่บรรทุกกระเทียมแห้งข้ามแม่น้ำโขงมาส่งที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง บ้านบางทรายใหญ่ ตำบลบางทรายใหญ่ อำเภอเมืองเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร จากนั้นได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 20 คน ช่วยกันแบกขึ้นฝั่งมาเก็บไว้ในบ้านเลขที่ 4 หมู่ 1 บ้านบางทรายใหญ่ ซึ่งอยู่ติดกับตลิ่งริมฝั่งแม่น้ำโขง โดยเจ้าหน้าที่สามารถเข้าทำการจับกุมผู้ลักลอบขนกระเทียมแห้งได้ 2 คน คือนายไพวัลย์ สุวรรณศรี และนายชัยมงคล ทองผา
โดยทั้ง 2 คน ให้การรับสารภาพว่ามารับจ้างขนกระเทียมขึ้นฝั่งโดยเข้าไปเก็บไว้ในบ้านหลังดังกล่าวได้ค่าจ้างกระสอบละ 10 บาท เจ้าหน้าที่ทหารได้เข้าตรวจค้นภายในบ้านพบกระเทียมแห้งจำนวน 196 กระสอบ น้ำหนักกระสอบละ 20 กิโลกรัม จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรมาดำเนินการตรวจสอบ แต่เมื่อมีการนำกระเทียมแห้งดังกล่าวมาเก็บรักษาไว้ที่ด่านศุลกากรมุกดาหาร ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ศุลกากรได้ทำบันทึกตรวจยึดไว้เพียง 100 กระสอบ น้ำหนัก 1,800 กิโลกรัม โดยมีกระเทียมหายไป 96 กระสอบ ทั้งยังบันทึกน้ำหนักขาดไปกระสอบละ 2 กิโลกรัม ทำให้น้ำหนักกระเทียมแห้งขาดหายไปหลายร้อยกิโลกรัม จนเป็นเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมรูสึกอึดอัดใจที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรทำการบันทึกไม่ตรงกับความเป็นจริง และเกรงว่าหากเป็นการกระทำที่มิชอบจะทำให้ตกเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดด้วย เนื่องจากไม่แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรได้ดำเนินการตรวจยึดอย่างถูกต้อง หรือจะทำให้ถูกมองว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเอาของกลางไปโดยไม่ทำการตรวจยึดดำเนินคดีหรือไม่
นายประพันธ์ จันทร์ไทยศรี นายด่านศุลกากรมุกดาหาร กล่าวว่า กระเทียมแห้งที่ตรวจพบว่ามีการลักลอบบรรทุกใส่เรือหางยาวข้ามจากแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว มาขึ้นฝั่งที่บ้านบางทรายใหญ่ แล้วถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารเข้าจับกุมผู้ลักลอบ และนำกระเทียมแห้งมาเก็บไว้ที่ด่านศุลกากร นั้น ขณะที่นำมากระเทียมแห้งขนย้ายมาจากบ้านที่เก็บกระเทียมแห้งไว้แล้วนำมาไว้ที่ด่านศุลกากรเป็นเพียงการนำมาตรวจสอบว่าเป็นกระเทียมแห้งที่นำเข้าโดยเสียภาษีศุลกากรถูกต้อง หรือลักลอบนำเข้าโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยมีการตรวจนับได้จำนวน 196 กระสอบจริง แต่ขณะเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบได้มีผู้รับมอบอำนาจของบริษัท บริบูรณ์ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ได้นำหนังสืออนุญาตนำเข้ากระเทียมจากต่างประเทศ จำนวน 750 กระสอบ น้ำหนัก 15,000 กิโลกรัม ลงวันที่ 18 กันยายน 2561 มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร ว่ากระเทียมที่ถูกนำมาตรวจสอบเป็นกระเทียมแห้งที่นำเข้าโดยได้รับอนุญาตรวมอยู่ด้วยจำนวน 96 กระสอบ และสอบถามผู้ลักลอบขนกระเทียมที่ถูกจับกุมทั้ง 2 คน ก็ให้การว่าขนกระเทียมแห้งเข้ามาเก็บไว้ในบ้านเพียง 100 กระสอบ เจ้าหน้าที่ศุลกากรจึงได้ทำบันทึกตรวจยึดไว้เพียงจำนวน 100 กระสอบ และคืนให้แก่บริษัท บริบูรณ์ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ไปจำนวน 96 กระสอบ
นายประพันธ์ กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนที่มีการระบุไว้ในบันทึกการตรวจค้นจับกุมว่ายึดกระเทียมแห้งของกลางจำนวน 100 กระสอบ น้ำหนักรวม 1,800 กิโลกรัม หรือ กระสอบละ 18 กิโลกรัม ทั้งที่ในหนังสือขออนุญาตนำเข้ากระเทียมแห้งบักทึกว่ามีน้ำหนักกระสอบละ 20 กิโลกรัม นั้น เป็นการที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรใช้วิธีคาดคะเนน้ำหนักเอง เพราะเมื่อเก็บไว้นานน้ำหนักก็จะลดลง ซึ่งโดยทั่วไปน้ำหนักกระเทียมแห้งก็จะอยู่ระหว่างกระสอบละ 18-20 กิโลกรัม ทั้งนี้ กระเทียมของกลางที่ตรวจยึดได้จำหน่ายออกไปแล้ว เหตุที่ต้องจำหน่ายโดยทันทีหลังการ
ตรวจยึดเพราะเป็นสิ่งของที่เน่าเสียได้ง่าย โดยเป็นการจำหน่ายให้กับส่วนราชการไม่ได้จำหน่ายให้กับผู้ประกอบการค้ากระเทียม เพื่อป้องกันการนำมาหมุนเวียนในตลาดอีก
ในคดีดังกล่าวทางศุลกากรมีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาอย่างเต็มที่ว่าร่วมกันกระความผิดโดยนำกระเทียมแห้งเข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังไม่เสียภาษี ยังไม่ได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพ และยอมยกกระเทียมแห้งของกลางจำนวน 100 กระสอบ ให้ตกเป็นของแผ่นดิน และยินยอมเสียค่าปรับสองเท่าของราคากระเทียมแห้งรวมเป็นจำนวนเงิน 86,400 บาท คดีจึงเป็นอันระงับไม่ต้องส่งฟ้องต่อไป ส่วนใครเป็นผู้มารับกระเทียมทั้ง 96 กระสอบ และใช้เอกสารใดมาแสดงความเป็นเจ้าของที่นำเข้าโดยผ่านศุลกากรโดยถูกต้องไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ “ผมเป็นคนตรงไปตรงมาไม่มีนอกมีใน ปฏิบัติตามระเบียบกฎหมายทุกอย่าง และหากพบว่ามีผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าไปเกี่ยวข้องหรือมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบจะดำเนินการทางคดีและทางวินัยอย่างเด็ดขาดทันที” นายประพันธ์ กล่าว
ขณะที่เจ้าหน้าที่ร่วมตรวจค้นจับกุมยังคงตั้งข้อสงสัยว่า การระบุน้ำหนักให้น้อยลงจากน้ำหนักบรรจุภัณฑ์ตามปกติและมีระบุในเอกสารขออนุญาตนำเข้าว่ากระสอบละ 20 กิโลกรัม ให้เหลือเพียง 18 กิโลกรัม จนทำให้น้ำหนักขาดหายไปหลายร้อยกิโลกรัม โดยไม่ทำการชั่งน้ำหนักให้ตรงกับความเป็นจริงจะเป็นการช่วยเหลือให้ผู้ลักลอบขนกระเทียมแห้งให้ได้รับโทษหรือเสียค่าปรับน้อยลง และการรีบคืนกระเทียมแห้งให้แก่ผู้อ้างตนเป็นเจ้าของกระเทียมโดยทันทีทั้งที่ยังไม่มีการพิสูจน์ตามหลักวิชาการ หรือตรวจสอบเอกสารกำกับที่แสดงชนิด ขนาด แหล่งที่มา และสถานที่จัดเก็บอย่างชัดเจนว่ากระเทียมแห้งที่กองอยู่รวมกันในบ้านหลังเกิดเหตุในขณะเข้าตรวจค้น มีวิธีการพิสูจน์หรือแยกแยะอย่างไรว่าส่วนใดเป็นการลักลอบ และส่วนใดนำเข้าโดยผ่านศุลกากร จะเป็นการกระทำที่ถูกต้องหรือไม่…
อนุศักดิ์ แสนวิเศษ / มุกดาหาร