วันจันทร์, 25 พฤศจิกายน 2567

ทายาทอดีต ส.ส.5 สมัยสู้ศึกเลือกตั้ง”ราชบุรี”

29 พ.ย. 2018
64

ทายาทอดีต ส.ส. 5 สมัยสู้ศึกเลือกตั้งราชบุรี

นายมหิศร มังคลรังษี อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นบุตรชายของ นายจิระ มังคลรังษี อดีต ส.ส. 5 สมัย ขอสู้ศึกลงสนามเลือกตั้ง ชูนโยบายเรื่องปากท้องชาวบ้าน ใช้ใจทำงาน

วันที่ 29 พย. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า… นายมหิศร มังคลรังษี อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี อาชีพธุรกิจส่วนตัว เปิดเผยถึง การลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ราชบุรี เขต 4 ในนามพรรคภูมิใจไทย หลังจากที่ผ่านมาได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และเลขานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมาแล้วรวมเวลา 12 ปี ดูแลรับผิดชอบพื้นที่เขตอำเภอบ้านโป่ง มาคราวนี้ได้รับประสานจาก นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายบุญลือ ประเสริฐโสภา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และทีมอดีต ส.ส.วัฒนา มังคลรังษี ซึ่งมีศักดิ์เป็นคุณอาของตัวเอง ส่วนบิดาชื่อ จิระ มังคลรังษี เคยเป็นอดีต ส.ส.พรรคการเมืองมาแล้วถึง 5 สมัย โดยบิดาเคยดำรงตำแหน่งเป็นเลขารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทยที่ได้สร้างผลงานไว้มากมาย ส่วนตัวเองได้ติดตามบิดาออกงานไปด้วยกว่า 30 ปี มาแล้ว พบปะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. ที่ยังเอ็นดูเราอยู่เสมอ เวลาพบกันก็จะสนุกสนานเฮฮากันด้วยความรักและความเอ็นดูที่มีต่อกัน

สำหรับการลงสมัคร ส.ส.ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก หลังจากที่ผ่านมาเคยแต่ลงสมัครในศึกเลือกตั้งท้องถิ่นมานานแล้ว และอาจเป็นช่วงจังหวะดีและทีมงานได้ให้โอกาสมา ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ดีทางด้านการเมืองน่าจะลองดูสักครั้ง อีกทั้งตัวเองคิดว่ามีความพร้อม เพราะหากจะมีลงการเมืองจะต้องเสียสละ เป็นการให้และต้องมีการพร้อมก่อนทั้งด้านร่างกาย พลังใจ หลังบ้านมีความพร้อมรวมถึงเรื่องอาชีพและรายได้มีความมั่นคงไม่ต้องมาพะวงหลัง มีพลังที่จะมาทำงานเพื่อท้องถิ่นจริงๆแน่นอน
อันดับแรกตอนนี้ยังไม่ได้เจาะลึกเรื่องนโยบาย เพราะทางพรรคจะมีการประชุมกันเร็วๆนี้ เพื่อจะได้พูดไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนตัวเองอันดับแรกคือเรื่องปากท้องของชาวบ้าน เพราะเป็นแบบนี้มากี่ปีแล้ว รู้กันอยู่ว่าตอนนี้เศรษฐกิจเป็นอย่างไร ทุกอย่างขึ้นหมด ดีหมด ยกเว้นรายได้ที่ยังไม่ขึ้น ค่าครองชีพ ค่ารถเมล์ ค่าข้าว ปากท้องขึ้นหมด แต่รายได้ไม่ได้ขึ้นไปด้วย ลักษณะเงินเฟ้อ มีเงินอยู่ 1 ล้านบาท ฝากธนาคารไว้เฉยๆ ปีหน้าเงินเหลือไม่ถึงล้าน รายได้เพิ่มไม่ทันเงินเฟ้อ ทำให้คนยากจนลง และรากหญ้าภาคเกษตรก็ตายหมด

“อันดับแรกที่ต้องแก้คือเรื่องปากท้องของชาวบ้าน อย่างเฟืองตัวแรกเกษตรกรไม่ขับเคลื่อนไม่หมุน เกษตรกรไม่มีเงินก็ไม่เข้าไปในตลาด ไม่เข้าไปซื้อข้าวสาร ไม่ซื้อทอง ไม่ซื้อมอเตอร์ไซค์ เฟืองตัวแรกไม่หมุนเฟืองตัวอื่นก็ตายหมด ตอนนี้ต้องเอาจารบีไปหยอดฝืดจนสนิมกันไปหมดแล้ว จึงต้องแก้เป็นอันดับแรก เพราะบ้านเรา 70-80 เปอร์เซ็นต์เป็นเกษตรกรอยู่แล้วเฉพาะ จ.ราชบุรี” นายมหิศร กล่าว

นายมหิศร ยังกล่าวต่ออีกว่า… ไม่รู้สึกหนักใจเพราะเป็นประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิ์สู้ มีสิทธิ์ทำไปตามระบบขอให้ถูกกติกา ถูกกฎหมาย ส่วนตัวเองทำเต็มที่แน่นอน เพราะเชื่อว่าเกิดมาชีวิตหนึ่งอยากทำชีวิตให้ดีที่สุด ทุกคนต้องการเล่นให้ดีที่สุด และมีความสุขในการเข้ามาทำงานตรงนี้ เชื่อว่าความสุขสามารถถ่ายทอดได้ ขณะนี้ได้ออกพบเพื่อนเก่า และอีกหลายคนที่ยังให้การต้อนรับดี รู้จักเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้น ได้สอบถามเรียนรู้ปัญหาและอาสาเป็นตัวแทนที่จะรับรู้ปัญหาของชาวบ้าน และนำเข้าไปพูดคุยในระดับประเทศ จะได้รู้ปัญหาจริงๆว่าปัญหาของชาวบ้านคืออะไร รู้สึกสนุกดี พบเจอใครก็ยิ้มแย้มแจ่มใสทักทายกัน อยากจะทำให้เต็มที่ ส่วนผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรไม่ได้อยู่ที่ตัวเอง แต่อยู่ที่ชาวบ้าน อยู่ที่เพื่อนฝูง และคนที่รักเราว่าจะเอาเราเข้าไปใช้ โดยเฉพาะเขต อ.บ้านโป่ง และตั้งใจที่จะตอบแทน เพราะยังมีแรงอยู่ มีความพร้อมเพื่อให้พื้นที่ อ.บ้านโป่ง และชาวราชบุรีได้ผลประโยชน์สูงสุด ให้สมกับชื่อพรรคภูมิใจไทย มาจากคำว่า ภูมิใจไทยที่เราเป็นคนไทย และเชื่อว่าคนไทยเราทุกคนก็ภูมิใจที่ได้เป็นคนไทย แต่อย่างที่เขาบอกว่ามันต้องการแสดงออก จะภูมิใจจะรักเฉยๆก็ไม่เกิดประโยชน์ แต่จะต้องออกมาแอ็กชั่น ทำอะไรบางอย่างเพื่อแสดงให้เห็นว่าเรามีความรักในประเทศไทยจริงๆ จึงอยากตั้งใจทำงานอย่างเต็มความสามารถ

ซึ่งก่อนหน้านี้เคยอยู่ในตำแหน่งรองนายก อบจ.ได้ทำงาน พบปะเยี่ยมเยียนชาวบ้าน อบต. และผู้นำ ต้องการอะไรได้ลงไปดูแลหมด ทั้งเครื่องจักร น้ำ รถน้ำ มีปัญหาได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบหมด หลังจากที่ตัวเองเคยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด เป็นเลขานายก อบจ. และรองนายก อบจ. และล่าสุดได้ประกาศลงสมัคร ส.ส.ราชบุรีพรรคภูมิใจไทย และยังเป็นหลานของนายวัฒนา มังคลรังษี เคยเป็น ส.ส.มาแล้ว 2 สมัย

สุจินต์ นฤภัย (เต้)

Loading