ทลฉ. เผยไตรมาสแรก รับเรือสำราญเกือบ 40 เที่ยว ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดี นักท่องเที่ยวต่างชาติเบนเข็มเที่ยวไทยผ่านเรือสำราญ ช่วยกระตุ้นเม็ดเงินเศรษฐกิจชลบุรีรับปี 62
นายชุนณ์ลพัทธ์ ศรีพาเพลิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการกองบริหารงานทั่วไป ท่าเรือแหลมฉบัง กล่าวว่า ขณะนี้มีเรือสำราญนำเที่ยวขนาดใหญ่จากต่างประเทศทยอยเทียบท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง จ.ชลบุรี กันอย่างต่อเนื่อง ทั้ง Diamond Princess, Supphire Princess, TUI และ Holland America Line ms Westerdam ซึ่งแต่ละลำบรรทุกนักท่องเที่ยวและลูกเรือไม่ต่ำกว่า 5,000 คนต่อลำ ซึ่งการเทียบท่าแต่ละครั้งจะมีนักท่องเที่ยวบางส่วนขึ้นฝั่งมาจับจ่ายใช้สอยและใช้บริการโปรแกรมท่องเที่ยวประจำเรือของตนเองกันอย่างคึกคัก
โดยในช่วงปีงบประมาณ 2562 ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือน ต.ค. 2561 ถึงเดือนม.ค. 2562 นี้ คือช่วงไตรมาสแรก ท่าเรือแหลมฉบังสามารถต้อนรับเรือสำราญ จำนวน 37 เที่ยวหากเปรียบเทียบจาก ในปีงบประมาณ 2560 มีเรือสำราญ เพียง 59 เที่ยวทั้งปี ส่วนในปีงบประมาณปี 2561 มีเรือโดยสารเข้ามาทั้งสิ้น 80 เที่ยวแต่ในปีงบประมาณ2562 เพียงแค่ไตรมาสแรก มีเรือสำราญ เข้ามาเทียบท่าแล้วถึง 37เที่ยว แสดงให้เห็นถึงการส่งสัญญาณที่ดีสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยโดยผ่านเรือสำราญ กลุ่มผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่องเองดูมีความคึกคักเป็นอย่างมากเช่นกัน
พร้อมกันนี้จากการสังเกตยัง พบว่านักท่องเที่ยวเดินทางมาแล้ว ไม่ใช่เดินทางกลับในทันที โดยยังแวะท่องเที่ยวและพักผ่อนในพื้นที่ต่างๆภายในจังหวัดชลบุรีอีกด้วย และยังท่องเที่ยวต่อไปยังจังหวัดต่างๆ เนื่องจากพบว่ารถที่ออกจากท่าเรือแหลมฉบัง ไปจอดส่งนักท่องเที่ยว อยู่ที่สนามบินอู่ตะเภา หรือสนามบินดอนเมือง นอกจากนั้นยังมีเครื่องบินเช่าเหมาลำมาลงที่สนามบินอู่ตะเภา จะเห็นได้ว่าเมื่อมาทางเรือแล้วยังไปเที่ยวทางบกยังจุดอื่นๆ โดยขึ้นเครื่องบินเดินทางต่อไปอีก บางกลุ่มที่เดินทางมาโดยเครื่องบินแต่ขาหลับจะมาขึ้นเรือสำราญแทน
นายชุนณ์ลพัทธ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับธุรกิจการท่องเที่ยวนั้น ถือว่าเป็นการลงทุนน้อยแต่ผลตอบแทนสูง ซึ่งมีปัจจัยหลายอย่างเป็นตัวดึงดูดสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวทางเรือนั้น เนื่องจากมีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ท่าเทียบเรือ รวมถึงระบบการขนส่ง การให้การบริการ ,คนไทยมีรอยยิ้ม และสถานที่ท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นใหม่ๆ และหลากหลาย เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตามสำหรับเรือสำราญ หรือเรือท่องเที่ยวนั้น ถือว่าไม่ใช่รายได้ของท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งไม่เหมือนกับเรือสินค้าที่มาใช้บริการท่าเรือแหลมฉบัง จะต้องเสียค่าระวางเรือ ค่าน่านน้ำ แต่สิ่งที่มีรายได้ คือ ผู้ประกอบการรถทัวร์ ,ผู้ประกอบการร้านอาหาร และ สถานที่ท่องเที่ยว โดยท่าเรือเป็นเพียงประตูเข้ามาสู่ประเทศไทยเท่านั้น แต่ทางท่าเรือแหลมฉบังก็ให้ความสำคัญ และอำนวยความสะดวกให้ พร้อมทั้งมีมาตรการ ดูแลป้องกันนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา เช่น ความปลอดภัย ,รถเข้าออก ต้องลงทะเบียนและมีบัตร เพื่อสกรีนและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหรือผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ภาพ/ข่าว สมชาย แก้วนุ่ม
นาย พรเทพ เขม้นเขตวิทย์
รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก