วันอังคาร, 26 พฤศจิกายน 2567

นายอาคม เอ่งฉ้วน ระบบบัญชีรายชื่อ”ขึ้นเวทีปราศรัยช่วยลูกชายหาเสียงเขตเลือกตั้งที่ 2 กระบี่”

26 ก.พ. 2019
59

อาคม เอ่งฉ้วน ระบุบบัญชีรายชื่ออันดับ150 ยอมรับได้ ไม่ใช่ปัญหา ไม่น้อยใจ เนื่องจากตนเองมีปัญหาด้านสุขภาพ เพียงต้องการขึ้นเวทีปราศรัยช่วยเหลือลูกชายลุยหาเสียเขตการเลือกตั้งที่ 2 กระบี่ เสนอ นโยบายพรรค แก้จน สร้างคน สร้างชาติ


วันที่ 26 ก.พ. 62 ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เลขที่ 78 หมู่ที่ 1 ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ นายอาคม เอ่งฉ้วน อายุ 67 ปี อดีต สส.กระบี่ และอดีตรัฐมนตรี จากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งปัจจุบันมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ทำให้ต้องพบหมออย่างต่อเนื่อง ทำให้อดีตรัฐมนตรี และอดีตส.ส.กระบี่ ไม่ค่อยออกสังคมมานาน 4-5 ปีที่ผ่านมา จนวันนี้เมื่อมีการกำหนดการเลือกตั้งขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม 62 นายอาคมเริ่มปรากฏตัวช่วยลูกชาย นายสุชีน เอ่งฉ้วน หาเสียสู้ศึกเลือกตั้ง ตามกำลัง โดยนายสุชีน เอ่งฉ้วน ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จากพรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 13 เขตการเลือกตั้งที่ 2 โดย ชนกับ ดร.สฤษฎ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ผู้สมัครจากพรรค ภูมิใจไทย หมายเลข 3
นายอาคม เอ่งฉ้วน ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่ออันดับที่ 150 จากพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในอดีตนั้นระบบบัญชีรายชื่อของตนอยู่อันดับที่ 15 แต่ในครั้งนี้ตนเองได้แจ้งกับนาย จุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ติดใจ ตนเองจะได้อันดับที่เท่าไรไม่สำคัญ เพราะตนเองไม่ประสงค์ที่จะเป็น ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เนื่องจากตัวเองมีปัญหาเรื่องสุขภาพ

สำหรับ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่ออันดับที่ 150 นั้นตนไม่ติดใจและไม่โกรธพรรค ไม่เสียใจ ไม่น้อยใจ เพียงแต่ตนเองต้องการขึ้นเวทีหาเสียให้ลูกชายเท่านั้น ให้ถูกต้องตามกฎหมายการเลือกตั้ง ที่กำหนดไว้ว่า ผู้ที่จะขึ้นเวทีปราศรัย หรือถ่ายรูปหาเสียคู่กับผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ต้องเป็น ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อเท่านั้น

ตนเองเป็น ส.ส.มา 10 สมัย อยู่กับพรรคมา 30 ปี อันดับที่ 150 ในระบบบัญชีราย ที่พรรคจัดให้ มีหลายคนมาพูดกับตนเองว่า อันดับ 150 เอาทำไม ซึ่งตนเองตอบกลับไปว่าไม่ได้ติดใจ ตนต้องการขึ้นเวทีปราศรัยหายเสียเท่านั้นเอง

ในส่วนคนของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีการลาออกจากพรรค หรือน้อยใจพรรค ระบายออกทางโซเซียลนั้น ตนเองมองว่า เป็นเพราะบุคคลเหล่านั้นอยู่ในพรรคมานาน เลยน้อยใจเสียเป็นเรื่องปกติ

กระบี่///ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

Loading