วันจันทร์, 7 ตุลาคม 2567

บิ๊กอวบ-บิ๊กแซ็ก—เดอะโอ๋!!!นำทีมแถลงปิดคดีสาวแซทเฟสบุ๊กลวงฆ่าอำพรางฝังดิน”

14 มี.ค. 2019
11

บิ๊กอวบ! บิ๊กแซ็ก!เดอะโอ๋! นำทีมแถลงปิดคดีสาวแชทเฟซบุ๊กลวงฆ่าอำพรางฝังดิน


วันนี้ 13 มี.ค.62 สภ.บางเสาธง อ.บางเสาธง จว.สมุทรปราการ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1(สส) พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครองผบก.สส.ภ.1 พ.ต.อ.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ศุภณัฎฐ์ เจริญเรืองสกุล รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.สุเนตร หอกลาง ผกก.สภ.บางเสาธงและเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัวผู้ต้องหาในคดีสาวแชทเฟซบุ๊กลวง นายชัยประสิทธิ์ หรือตั้ม บุญเลิศ มาให้พวกรุมฆ่าหมกศพฝังดินที่บริเวณ ภายในซอยวัดมงคลนิมิต ม.1 ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จว.สมุทรปราการเมื่อวันที่ 2 ก.พ.62 จำนวน 5 คน นายทินกร หรือเก่ง สุขเจริญ อายุ 40 ปีผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 180/2562 ลงวันที่ 11 มีนาคม 2562 น.ส.แปทิพย์ หรือปลา โลกรัก อายุ 22 ปีผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 181/2562 ลงวันที่ 11 มีนาคม 2562นายกิติพงษ์ หรือเป้ จงเจริญพิศาล อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 183/2562 ลงวันที่ 11 มีนาคม 2562 นายวิศรุต หรืออู หีบเงิน อายุ 28 ปีผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 185/2562 ลงวันที่ 11 มีนาคม 2562 นายถนอมศักดิ์ หรือต้อม ดีสละ อายุ 35 ปีผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 186/2562 ลงวันที่ 11 มีนาคม 2562 พร้อมด้วยของกลางรถยนต์กระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้หมายเลขทะเบียน 2ฒฌ-5855

กรุงเทพมหานคร รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า นูโว สีน้ำเงิน-เหลือง หมายเลขทะเบียน บนพ-268 กรุงเทพมหานคร
พล.ต.ต.ธนายุตม์ กล่าวว่าเมื่อวันที่ 3 ก.พ.2562 เวลาประมาณ 13.00 น.ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางเสาธงได้รับแจ้งเหตุคนหาย ชื่อนายชัยประสิทธิ์ หรือตั้ม บุญเลิศ อายุ 33 ปี ได้หายตัวไปจากบ้านพัก ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้พบรถจักรยานยนต์ของนายชัยประสิทธิ์ ถูกทิ้งซุกซ่อนอยู่ภายในซอยวัดบัวโรย ม.11 ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จว.สมุทรปราการ จึงเชื่อได้ว่าอาจเกิดเหตุร้ายขึ้นกับนายชัยประสิทธิ์ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ร่วมกันบูรณาการณ์สืบสวนสอบสวนจนทราบว่าได้มีกลุ่มคนร้ายร่วมกันก่อเหตุใช้วิธีการแชทเฟซบุ๊คของน.ส.แปทิพย์ หรือปลาล่อลวงให้นายชัยประสิทธิ์ ออกมาพบและได้รุมทำร้ายร่างกายของนายชัยประสิทธิ์ จนถึงแก่ความตายแล้วนำรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปทิ้ง ส่วนศพนายชัยประสิทธิ์ ได้นำไปฝังดินไว้ที่ จว.ฉะเชิงเทรา ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 7 คนต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการ ในข้อหา“ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตายหรือสาเหตุแห่งการตาย จำนวน 7 คน นายสมศักดิ์ หรือโอ เล็ดรอด ทำหน้าที่“ทำร้ายร่างกาย,นำศพไปทิ้ง,นำศพไปฝัง”นายกิติพงษ์ หรือเป้ จงเจริญพิศาล ทำหน้าที่ “นำศพไปทิ้ง”นายถนอมศักดิ์ หรือต้อม ดีสละ ทำหน้าที่ “นำศพไปทิ้ง”นายวิศรุต หรืออู หีบเงิน ทำหน้าที่ “นำศพไปทิ้ง”น.ส.แปทิพย์ หรือปลา โลกรัก ทำหน้าที่ “นำศพไปทิ้ง,นำศพไปฝัง”นายทินกร หรือเก่ง สุขเจริญ ทำหน้าที่“นำศพไปฝัง”นายจักรกฤษณ์ หรือบาส น้อยสวัสดิ์ ทำหน้าที่ “นำศพไปฝัง”

พล.ต.ต.ธนายุตม์ เปิดเผยอีกว่าทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 5 คนและได้ทำการอายัดตัวผู้ต้องหาในเรือนจำ 1 คนคือนายจักรกฤษณ์ หรือบาส น้อยสวัสดิ์ ซึ่งได้ถูกเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.บางเสาธง จับกุมตัวได้ก่อนหน้านี้ ในข้อหา”มียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย”และได้ถูกเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทำการวิสามัญไปจำนวน 1 คน คือ นายสมศักดิ์ หรือโอ เล็ดรอด อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 182/2562 ลงวันที่ 11 มีนาคม 2562 ที่ได้หลบหนีไปกบดานที่ จว.อุบลราชธานี ซึ่งเมื่อวันที่ 12 มี.ค.62 เวลาประมาณ 19.00 น.ในขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเข้าทำการจับกุม นายสมศักดิ์หรือโอฯ ได้ขัดขวางการจับกุมโดยก่อเหตุใช้อาวุธปืนจี้ชิงเอารถของประชาชนหลบหนี และได้ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ถูกเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนวิสามัญที่พื้นที่ อ.คำเขื่อนแก้ว จว.ยโสธร
พล.ต.ต.ธนายุตม์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ ซึ่งตัวผู้ก่อเหตุซึ่งก็คือ นายสมศักดิ์ หรือโอ เล็ดรอด มีประวัติเกี่ยวพันกับยาเสพติด และประกาศไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจุบกุมอย่างแน่นอน ทางเจ้าหน้าที่จึงมีความจำเป็นที่ต้องวิสามัญกลางสี่แยกไฟแดง ตู้ยามประชาร่วมใจ มุ่งหน้าเข้าอำเภอเมืองยโสธร ขณะที่นายโอจี้เอารถกระบะของชาวบ้านที่กำลังติดไฟแดง เพื่อใช้หลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไล่ล่าติดตาม ซึ่งก่อนหน้านี้นายโอได้ใช้ปืนจี้รถจักรยานยนต์ และรถยนต์ของชาวบ้านตลอดทางที่ใช้หลบหนีมาแล้วรวม 4 คัน กระทั่งจนมุมตำรวจที่สี่แยกดังกล่าว

สาเหตุที่ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนต้องรีบตัดสินใจวิสามัญก็เพราะ นายสมศักดิ์ ประกาศชัดเจนว่าจะไม่ยอมถูกจับ มีการยิงเปิดทางใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นระยะตลอดทางที่หลบหนีรวมประมาณ 30 นัด และสุดท้ายรถกระบะคันที่นายโอจี้ชิงมาคันสุดท้ายนั้น มีเจ้าของรถอยู่ในรถด้วย ซึ่งหากปล่อยไว้อาจบานปลาย และเป็นอันตรายต่อชาวบ้านที่บริสุทธิ์

พล.ต.ต.สุภธีร์ กล่าวว่า จากการสอบสวน น.ส.แปทิพย์ ให้การรับสารภาพว่าสาเหตุจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้เกิดจากความหึงหวงของนายสมศักดิ์ จึงได้ออกอุบายหลอกแชทข้อความทางเฟสบุ๊คให้นายชัยประสิทธิ์มาหาเพื่อทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตหลังจากนั้น นายนายสมศักดิ์ได้ติดต่อ นายกิติพงษ์ นายถนอมศักดิ์ และนายวิศรุต ให้นำศพ และรถจักรยานยนต์ ไปใส่รถยนต์กระบะตู้ทึบไปทิ้งที่บริเวณซอยวัดบัวโรย ซึ่งต่อมามีคนมาพบรถจักรยานยนต์ที่ทิ้งไว้ ทำให้ นายสมศักดิ์ กลัวคนจะมาพบศพ จึงได้ติดต่อให้ นายทินกรและนายจักรกฤษณ์ ให้นำศพจากซอยวัดบัวโรยไปฝังดินที่บริเวณ ม.3 ต.คลองบ้านโพธิ์ อ.บ้านโพธิ์ จว.ฉะเชิงเทรา เพื่ออำพรางคดี จนกระทั่งสามารถติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาได้ทั้งหมด

โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตายหรือสาเหตุแห่งการตาย”
จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พนักงานสอบสวน.สภ.บางเสาธง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

การปฏิบัติในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมบูรณาการกำลังตามหลักการ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” จนกระทั่งสามารถติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดได้ในเวลาต่อมา ซึ่งผู้ต้องหามีพฤติกรรมที่โหดเหี้ยม อำมหิต โดยเฉพาะนายสมศักดิ์ หรือโอฯ ซึ่งเป็นผู้ลงมือก่อเหตุแชทลวงผู้ตายมาทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต และใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ในขณะเข้าทำการจับกุม จนกระทั่งถูกวิสามัญในเวลาต่อมา ซึ่งถือเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคมเป็นอย่างยิ่ง การปฏิบัติการดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้จึงถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในการพิทักษ์และรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง

ในนามของตำรวจภูธรภาค1 จึงขอชมเชยและขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมส่วนรวม และขอให้รักษาความดีนี้ไว้สืบต่อไป
จากนั้นจึงได้จำลองสถานการณ์ให้ผู้ต้องหาทำแผนประกอบคำรับสารภาพขณะทำร้ายร่างกายผู้ตายจนถึงแก่ความตายแล้วนำศพและรถจักรยานยนต์ไปทิ้ง บริเวณด้านหน้า สภ.เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบสำนวนการสอบสวนต่อไป

Loading